นั่นคือเรื่องจริงของผู้ที่ทานเห็ดหลินจือแบบผิดๆเข้าไป จริงอยู่ว่าถึงแม้จะเป็นเห็ดหลินจือเหมือนกันแต่หากเลือกชนิดและวิธีการที่ไม่ถูกต้องแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็คงเป็นอย่างนี้ ดังนั้นวันนี้เราจึงถือโอกาสมาแนะนำวิธีการเลือกเห็ดหลินจือเบื้องต้นเพื่อให้ผู้ที่ทานเข้าไปได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่กัน
เคล็ดลับการเลือกเห็ดหลินจือ
• สายพันธุ์เห็ดหลินจือ: อันนี้ถือเป็นพื้นฐานที่สุดของที่สุดในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือ แม้จะเป็นเห็ดหลินจือเหมือนกันแต่ความต่างเรื่องสายพันธุ์ก็เป็นตัวกำหนดคุณภาพตัวยา สำหรับเห็ดหลินจือสายพันธุ์ที่ได้ชื่อว่ามีสรรพคุณทางยามากที่สุดคือหลินจือแดงที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาจนเรียกได้ว่าหลินจือแดงคือสุดยอดของเห็ดหลินจือ
• เห็ดหลินจือสกัด: ในร่างกายคนเราไม่สามารถสกัดเอาตัวยาสำคัญในเห็ดหลินจือออกมาได้ การกินเห็ดหลินจือแบบสดๆหรือหลินจือที่ถูกเอามาบดเป็นผงแล้วอัดใส่แคปซูลนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการกินขี้เลื่อยเข้าไปซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ วิธีการที่เราจะได้ตัวยาที่อยู่ในเห็ดหลินจือก็คือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นเห็ดหลินจือสกัดเท่านั้น
• รูปแบบผลิตภัณฑ์: รูปแบบผลิตภัณฑ์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ เห็ดหลินจือสกัดชนิดผงบรรจุในแคปซูลร่างกายสามารถดูดซึมได้เพียง 10-50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นแถมยังต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมง แต่หากเป็นหลินจือสกัดในรูปแบบเจลซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ 80-100 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียวและที่สำคัญคือใช้เวลาเพียง 5-15 นาทีเท่านั้น
การเลือกเห็ดหลินจือตาม 3 วิธีที่กล่าวมานั้นถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการกินเห็ดหลินจือให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุด แต่หากจะให้เจาะลึกกว่านี้ก็คงต้องดูไปถึงแหล่งเพาะเห็ดหลินจือกันเลยเพราะว่าสภาพแวดล้อมที่ต่างกันคุณภาพของเห็ดก็ย่อมต่างกันไปด้วยซึ่งสำหรับแหล่งเพาะเห็ดหลินจือที่มีคุณภาพที่สุดเลยต้องยกให้เกาหลี จีนและญี่ปุ่นเนื่องจากสภาพอากาศเอื้อต่อการเจริญเติบโตที่สุด
สุดท้ายนี้สิ่งที่เราจะต้องย้ำเสมอสำหรับผู้ที่ต้องการทานเห็ดหลินจือเพราะหวังผลในเรื่องการรักษา แม้หลินจือจะได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งสมุนไพรแต่ก็ไม่ใช่ยาวิเศษที่จะรักษาอาการป่วยได้ทุกโรค เพียงแต่ตัวยาที่อยู่ในเห็ดหลินจือจะช่วยเข้าไปปรับสภาพให้กระบวนการทางร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาการป่วยบางอย่างที่เกิดจากความผิดปกติในร่างกายจึงสามารถหายได้ด้วยเห็ดหลินจือ